เรียนรู้ศัพท์ที่ใช้ในฟอร์เร็ก




เรียนรู้ศัพท์ที่ใช้ในฟอร์เร็ก

     หลังจากที่คุณได้เรียนทักษะใหม่ ๆ แล้วคุณต้องเรียนศัพท์ที่ใช้ในวงการฟอร์เร็กซ์ด้วย เหมือนที่คุณกำลังจีบสาวใหม่ ๆ คุณต้องรู้จักส่วนเล็ก ๆ น้อย ๆ ก่อนที่คุณจะเริ่มเทรด บางคำนี้คุณอาจจะรู้อยู่แล้วแต่ว่า มันก็ไม่ได้เสียเงินหนิในการ ทบทวนสิ่งที่เรียนมา

Base Currency

     base currency คือ ค่าเงินตัวแรก หรือตัวหน้าของคู่เงินแต่ละคู่ ซึ่งมันจะแสดงว่า มันมีมูลค่าเท่าไหร่เมื่อเทียบกับ second currency. ตัวอย่างเช่น ถ้า USD/CHF เรท เท่ากับ 1.6350 ดังนั้นหมายความว่า 1 ดอลล่าร์ มีมูลค่าเท่ากับ 1.6350 สวิสฟรังค์ ในตลาดฟอร์เร็ก ดอลล่าร์ส่วนใหญ่จะถูกใช้เป็น ค่าเงินพื้นฐาน(base currency) ในการคำนวณ ซึ่งหมายความว่า เราใช้เงิน 1 USD เทียบกับค่าเงินอื่นในคู่อื่น ๆ นั้น แต่ยกเว้นค่าเงินต่อไปนี้ เงินปอนด์ เงินยูโร และเงินดอลล่าร์ออสเตรเลีย และ นิวซีแลนด์ จะใช้ค่าเงินตัวเองเป็น ค่าเงินพื้นฐานในการคำนวน

Quote Currency

     quote currency หรือค่าเงินอ้างอิง เป็นค่าเงินตัวที่สองของคู่เงินใด ๆ ที่มีในตลาดฟอร์เร็กซ์ ซึ่งบางครั้งอาจจะเรียกว่า pip currency และ กำไรที่เรายังไม่รับรู้(คือยังไม่ได้ปิด position ) ก็จะถูกอธิบายมาเป็นค่าเงินนี้

Pip

     pip คือหน่วยที่เล็กที่สุดของราคาในแต่ละค่าเงิน แทบทุกค่าเงินจะมีทศนิยมอยู่ข้างหลังตัวเลขอยู่เสมอ ตัวอย่างคือ EUR/USD อัตราแลกเปลี่ยนเท่ากับ 1.2538. ในที่นี้ 1 pip เป็นการเปลี่ยนแปลงในสี่จุดทศนิยม นั่นก็คือ 0.0001 ดังนั้น ถ้าค่าเงินอ้างอิงในคู่เงินใด ๆ คือ USD 1 จะเท่ากับ 1/100 ของ 1 cent.

Bid Price

    Bid เป็นราคาตลาดที่ใช้ในการซื้อค่าเงินในตลาดฟอร์เร็ก ณ ราคานี้ เทรดเดอร์ใช้ในการ sell base currency. จะแสดงอยู่ทางด้านซ้ายของราคาค่าเงิน ตัวอย่าง ในคู่ GBP/USD 1.8812/15, bid Price คือ 1.8812. ซึ่งหมายถึงคุณ sell 1 ปอนด์ แล้วคุณจะได้เงิน 1.8812 ดอลล่าร์

Ask Price

     Ask เป็นราคาที่ใช้ในการขายค่าเงินใด ๆ ในตลาดฟอร์เร็กซ์ ที่ราคานี้ เทรดเดอร์ จะ buy base currency และอยู่ด้านขวาของราคาค่าเงิน ตัวอย่าง EUR/USD 1.2812/15 ask price คือ 1.2815. ซึ่งหมายถึงคุณสามารถ buy 1 ยูโรโดยใช้เงิน 1.2815 ดอลล่าร์ และราคานี้เรียกว่า offer price.

Bid/Ask Spread

    Spread เป็นความแตกต่างระหว่างราคา bid กับ ask “big figure quote” เป็นคำพูดที่โบรคเกอร์ใช้ในการอธิบายค่าเงินที่มีทศนิยมน้อยโบรคเกอร์จะไม่พูดตัวเลขค่าเงินหลักข้างหน้า ตัวอย่างเช่น USD/JPY มีอัตราแลกเปลี่ยนอยู่ที่ 118.30/118.34 แต่ว่าพวกเขาจะเรียกสั้น ๆ ว่า 30/34

Margin

      เมื่อคุณเปิดบัญชีแบบมาร์จิ้นใหม่กับฟอร์เร็กโบรคเกอร์ คุณต้องฝากเงินไว้กับโบรคเกอร์ด้วย ซึ่งก็จะมีขั้นต่ำแล้วแต่ว่าโบรคเกอร์จะให้ฝากเท่าไหร่ บางโบรคเกอร์อาจจะให้ฝากแค่ 100 เหรียญ และบางโบรคเกอร์อาจจะให้ฝากถึง 100,000 เหรียญ

    ในแต่ละครั้งที่คุณเทรด จะคิดเเป็นเปอร์เซ็นต์ของของเงินทั้งหมดของบัญชีมาร์จิ้น จะเรียกว่า initial margin requirement ซึ่งขึ้นอยู่กับค่าเงินและราคา รวมทั้งขนาดของลอทของคู่เงินนั้น ๆ ที่เราเทรด ซึ่งขนาดของลอทคือ ขนาดของ base currency.

     ตัวอย่าง สมมุติว่า ถ้าคุณเปิดบัญชี mini ซึ่งสามารถใช้ Leverage ได้ที่ 200:1 หรือ 0.5 % ของมาร์จิ้น บัญชีแบบ Mini สามารถเทรด mini lot ได้ ถ้าให้ 1 mini lot เท่ากับ 10,000 เหรียญ คุณจะต้องใช้มาจิ้นเท่ากับ 50 เหรียญ ($10,000 x 0.5% = $50).

Leverage

     Leverage คืออัตราส่วนของทุนที่ใช้เป็นต้นทุนในการส่งออร์เดอร์ ซึ่งจะต้องใช้มาร์จิ้น Leverage เป็นสิ่งที่สามารถใช้เงินจำนวนหนึ่งในการถือครอง Position ที่ใหญ่กว่าจำนวนเงินทุนของเรา Leverage จะแตกต่างกันไปตามแต่ละโบรคเกอร์ ซึ่งอาจจะเริ่มตั้งแต่ 2:1 ไปจนถึง 2000:1

Margin Call

    เทรดเดอร์ส่วนใหญ่จะกลัวกับคาว่า Margin call ซึ่งเหตุการณ์นี้จะเกิดขึ้นเมื่อโบรคเกอร์ของคุณบอกคุณว่าตอนนี้มาร์จิ้นของคุณมันน้อยกว่าเกณฑ์ที่ต้องใช้ในการถือครอง position เพราะว่า ค่าเงินนั้น เคลื่อนไหวในทางตรงข้ามกับ Position ที่คุณถืออยู่

   ขณะที่คุณกำลังเทรดโดยใช้มาร์จิ้นนั้น เราอาจจะมีกลยุทธ์ที่ทำกำไรได้ แต่ว่ามันสำคัญที่คุณต้องเข้าใจความเสี่ยงด้วย คุณต้องเข้าใจเกี่ยวกับบัญชีมาร์จิ้นอย่างละเอียด และต้องอ่านข้อตกลงตอนเปิดบัญชีระหว่างเรากับโบรคเกอร์อย่างถี่ถ้วนด้วย ให้ถามโบรคเกอร์ของคุณถ้าไม่เข้าใจข้อตกลงข้อไหน

    Position ของคุณจะต้องถูกปิด แต่ว่าราคามันอาจจะวิ่งไปต่ำกว่ามาร์จิ้นที่คุณมีในบัญชีของคุณ เมื่อราคามีการเคลื่อนไหวอย่างรวดเร็ว ดังนั้น คุณอาจจะไม่ได้รับการเตือน margin call เพราะออร์เดอร์ของคุณจะโดนปิดไปซะก่อน (ของขวัญวันเกิดแบบไม่คาดฝัน)

   Margin calls สามารถเลี่ยงได้โดยการดูหน้าจอเทรดของคุณให้บ่อยขึ้น หรือ โดยการใช้ stop-loss order (จะพูดในเรื่องต่อไป) เพื่อจะจำกัดความเสี่ยงไว้

     Margin call คือ การที่บัญชีถึงจุดต่ำกว่ามาร์จิ้นที่ต้องใช้ในการถือครอง position ปกติจะใช้ในตลาด future ซึ่งถ้ายอดขาดทุนต่ำกว่า ทางโบรคเกอร์จะเรียกให้ฝากมาร์จิ้นเพิ่ม ไม่เช่นนั้น โบรคเกอร์ก็จะปิด position ของเราเพื่อมิให้เกิดการขาดทุนกับโบรคเกอร์ เพราะตลาดฟิวเจอร์มีการใช้ Leverage เหมือนกับตลาดค่าเงิน แต่อาจจะต่ำกว่ามาก