ประเภทของการเทรด
การเทรด มี 2 ประเภท
1. การวิเคราะห์โดยใช้ปัจจัยพื้นฐาน หรือ Fundamental analysis
2. การวิเคราะห์โดยใช้ปัจจัยทางเทคนิค หรือ Technical analysis
ทั้งสองประเภทมักจะมีคนมีแสดงความคิดเห็นหรือว่า โต้แย้งกันอยู่เสมอว่าแบบไหนจะดีกว่ากัน แต่ว่า เราบอกความจริงคุณได้อย่างหนึ่งคือ คุณจำเป็นต้องรู้ทั้งสองอย่าง อย่างละหน่อย ตอนนี้เรามาเจาะลงไปในสองเรื่องนี้กัน แล้วค่อยนำมันกลับมารวมกันทีหลัง
การวิเคราะห์ด้วยปัจจัยพื้นฐาน หรือ Fundamental Analysis
การวิเคราะห์ด้วยปัจจัยพื้นฐาน คือวิธีการที่มองหาทิศทางตลาดผ่านทางทิศทางเศรษฐกิจ สังคม การเมืองซึ่งมีผลต่อ อุปสงค์ และ อุปทาน หรือเรียกอีกอย่างหนึ่งว่า คุณมองไปที่เศรษฐกิจของแต่ละประเทศว่า ประเทศไหนดีกว่า และเศรษฐกิจประเทศไหนที่กำลังย่ำแย่ ความคิดพื้นฐานในการวิเคราะห์แบบนี้ คือ ถ้าประเทศที่มีเศรษฐกิจดี ค่าเงินของพวกเขาก็จะดีตามไปด้วย เพราะว่า ประเทศที่มีเศรษฐกิจดีกว่า ความน่าเชื่อถือต่อค่าเงินนั้นย่อมมีมากกว่า
ตัวอย่างเช่น เงินดอลล่าร์สหรัฐฯ แข็งค่าขึ้นเพราะว่า เศรษฐกิจสหรัฐฯกำลังปรับตัวขึ้นอย่างต่อเนื่อง เนื่องจากที่เศรษฐกิจเช่นนี้ อัตราดอกเบี้ยก็ต้องสูงขึ้นตามไปด้วยเพื่อใช้ในการควบคุมเงินเฟ้อ และมูลค่าของเงินดอลล่าร์ก็จะมีมูลค่าเพิ่มขึ้น และนี่คือการวิเคราะห์ปัจจัยพื้นฐาน
การวิเคราะห์โดยใช้ปัจจัยทางเทคนิค
การวิเคราะห์ทางเทคนิค เป็นการศึกษาทิศทางของราคา หรือเรียกอีกอย่างว่า การวิเคราะห์ กราฟ แนวคิดก็คือ เราสามารถใช้ทิศทางการเคลื่อนไหวของในอดีต และพื้นฐานของพฤติกรรมราคา มาตัดสินว่าราคาจะไปในทิศทางใด โดยการดูกราฟนั้นจะทำให้คุณบอกทิศทางหรือรูปแบบของกราฟ ซึ่งสามารถช่วยหาโอกาสในการเทรดดี ๆ ได้
สิ่งที่สำคัญที่สุดของการเรียนรู้การวิเคราะห์ด้วยปัจจัยพื้นฐานคือ เทรนด์ หลาย คนพูดว่า เทรนด์เป็นเพื่อนของคุณ เพราะว่าคุณสามารถทำกำไรได้เมื่อคุณหาเทรนด์เจอและเทรดไปในทิศทางเดียวกับมัน การวิเคราะห์ทางพื้นฐานจะช่วยคุณหาเทรนด์ได้เมื่อมันเริ่มก่อเทรนด์ ดังนั้นคุณก็จะมีโอกาสที่จะทำกำไรได้สูง
แล้วการวิเคราะห์แบบไหนที่ดีกว่า ?
อะฮ่า คำถามนี้มีมูลค่า 1 ล้านเหรียญ ระหว่างที่คุณเดินทางในเส้นทางฟอร์เร็กซ์ของคุณ เพื่อต้องการเป็นนักเทรดฟอร์เร็กซ์ คุณต้องหาข้อดีข้อด้อย ทั้งการวิเคราะห์โดยการใช้ปัจจัยพื้นฐานและการวิเคราะห์โดยการใช้ปัจจัยทางเทคนิค คุณจะมีคำถามนี้ขัดแย้งในตัวคุณตลอดว่า fundamentals อย่างเดียวจะช่วยผลักดันตลาดได้หรอ? แล้วรูปแบบต่าง ๆ เหล่านั้นมันเกิดขึ้นโดยบังเอิญอย่างนั้นหรอ? หรือว่า อาจจะมีใครคนนึงแย้งว่า ที่รูปแบบกราฟเป็นไปตาม technicals เพราะว่า เทรดเดอร์ส่วนใหญ่ใช้การวิเคราะห์ทางเทคนิคนี้ ทำให้รูปแบบการเคลื่อนไหวของราคา ในอดีตสามารถทำนายรูปแบบราคาในอนาคตได้
อย่าพึ่งมาใส่ใจกับเรื่องอะไรพวกนี้ ไม่มีอะไรดีกว่ากันหรอก...
ในการที่จะกลายมาเป็นนักเทรดมืออาชีพ คุณจะต้องรู้ว่าเราจะใช้การวิเคราะห์ทั้งสองชนิดให้มีประสิทธิภาพอย่างไรมากที่สุด ไม่เชื่อใช่มั๊ย? ลองมาดูตัวอย่างซักตัวอย่างกัน ว่าการรู้แค่อย่างใดอย่างหนึ่งอย่างเดียวนั้นอาจจะสร้างความเสียหายให้กับคุณได้